ติดตั้งประตูเหล็กแบบแห้ง (Dry Process) และแบบเปียก (Wet Process) แบบไหนดีกว่ากัน

ถ้าพูดถึงความแข็งแรงคงทน หลายคงคงมีประตูเหล็กเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่นอกจากความแข็งแรงของประตูแล้ว การเลือกวิธีการติดตั้งก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง อย่างที่เรารู้กันดีว่าความแข็งแรงของประตูมักมาพร้อมกับน้ำหนักที่มากตามไปด้วย การเลือกวิธีการติดตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญลำดีบต้นๆ หลังจากตัดสินใจเลือกใช้ประตูเหล็ก


ทีนี้มาถึงเวลามาทำความรู้จักวิธีการติดตั้งประตูเหล็ก วิธีการติดตั้งตั้งแบ่งได้เป็น 2 วิธีใหญ่ด้วยกัน คือ


1. การติดตั้งแบบเปียก (Wet Process) คือการติดตั้งวงกบเหล็กที่ต้องเก็บงานด้วยการเทคอนกรีตเข้ากับวงกบ นับเป็นวิธีการติดตั้งที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการติดตั้งประตูเหล็ก เพราะเป็นวิธีที่เหมาะกับประตูที่ต้องทนทานต่อการใช้งาน เช่น ประตูที่มีน้ำหนักมากอย่างเช่นประตูเหล็ก เป็นต้น และการเลือกวิธีการติดตั้งแบบเปียกกับประตูเหล็ก จะต้องมีการเตรียมช่องเปิดหรือช่อง Opening สำหรับติดตั้งประตูให้ใหญ่กว่าขนาดของวงกบโดยรอบ 3 ซม. หรือทั้งความกว้างและความสูง เพื่อให้สามารถล้วงเชื่อมเหล็กเส้นในการเชื่อมยึดระหว่างวงกบและเสาเอ็น


ตัวอย่างการคำนวนขนาดช่องเปิดตามขนาดของวงกบ

ขนาดวงกบ 97 x 203.5 ซม. เราจะต้องเตรียขนาดช่องเปิดให้กว้างกว่าขนาดวงกบโดยรอบ 3 ซม.

ดังนั้น ช่องเปิดที่ต้องเตรียมคือ ขนาด 100 x 206.5 ซม.  

 

อย่างไรก็ตาม การเปิดช่องประตูก็มีข้อควรระวังอยู่เช่นกัน ช่องเปิดไม่ควรเปิดเกิน 3 ซม. เพราะในอนาคตอาจมีปัญหาอย่างเช่นประตูตกตามมาได้


2. การติดตั้งแบบแห้ง (Dry Process) คือการติดตั้งวงกบกับผนังที่ฉาบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยวิธีการยิงพุกหรือสกรูเพื่อยึดวงกบเข้ากับผนัง ซึ่งหน้างานต้องควบคุมช่องเปิดโดยมีระยะห่างระหว่างวงกบกับผนังรอบตัว 0.5 มม. โดยทั่วไปแล้ว การติดตั้งแบบแห้งจะเหมาะกับงานติดตั้งประตูอลูมิเนียมมากกว่าประตูเหล็ก เพราะการใช้งานหลังจากติดตั้งจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าแบบเปียก และประตูเหล็กมีน้ำหนักมาก การติดตั้งโดยยิงพุกจึงเป็นการติดตั้งที่ไม่เป็นที่นิยม และไม่แข็งแรงสำหรับงานประตูเหล็ก


ทั้งนี้ การเลือกวิธีการติดตั้งไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอคือความเหมาะสมต่อการใช้งาน เพราะถ้าเราเลือกวิธีการติดตั้งที่ไม่เหมาะสมแล้ว เราอาจพบปัญหาการใช้งานหลังจากการติดตั้งในระยะยาวได้